รับจดทะเบียนสหกรณ์ที่จัดตั้งขึ้นใหม่โดยแยกจากสหกรณ์เดิม(N)
ติดต่อด้วยตนเอง ณ หน่วยงาน
สำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 เลขที่ 20 อาคารกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ชั้น 3 ถนนพิชัย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10200 http://office.cpd.go.th/area1/ โทรศัพท์ 0 2241 5902, 0 2241 5903 โทรสาร 0 2243 3194 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ : [email protected]
หมายเหตุ : หรือติดต่อทางไปรษณีย์
สำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 2 เลขที่ 352 ถนนสีหบุรานุกิจ แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10510 http://office.cpd.go.th/area2/ โทรศัพท์ 0 2914 5767, 0 2914 5412, 0 2914 5770 โทรสาร 0 2540 7230 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ : [email protected]
หมายเหตุ : หรือติดต่อทางไปรษณีย์
สำนักงานสหกรณ์จังหวัดที่สหกรณ์นั้นตั้งอยู่ https://www.cpd.go.th/cpdth2560/index.php/contact-office/email-cpd
หมายเหตุ : หรือติดต่อทางไปรษณีย์
แอปพลิเคชันบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ (Application)
สำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 เลขที่ 20 อาคารกรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ ชั้น 3 ถนนพิชัย เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10200 http://office.cpd.go.th/area1/ โทรศัพท์ 0 2241 5902, 0 2241 5903 โทรสาร 0 2243 3194 ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ : [email protected]
หมายเหตุ : หรือติดต่อทางไปรษณีย์
15 วันทำการ
ไม่มีค่าธรรมเนียม
การจดทะเบียนแยกสหกรณ์ต้องปฎิบัติให้เป็นไปตามมาตรา 96, 97, 98, 99 และ 100 แห่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2562 (https://drive.google.com/file/d/0B0iAMn3FAZY0cnY5d 1dUUWdDYVU/view) โดยกฎหมายสหกรณ์กำหนดว่า การแยกสหกรณ์จะกระทำมิได้แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองท้องที่ หรือแบ่งหน่วยงาน หรือสถานประกอบการจะแยกสหกรณ์ก็ได้หากมีความจำเป็น หรือมีเหตุให้ไม่สะดวกแก่การดำเนินงานนั่นหมายถึง เมื่อสมาชิกสหกรณ์มีความประสงค์จะแยกสหกรณ์ต้องพิจารณาถึงมูลเหตุที่กฎหมายกำหนดให้แยกสหกรณ์ได้ 3 ประการเท่านั้นคือ 1) เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเขตการปกครองท้องที่ 2) เมื่อมีการแบ่งหน่วยงาน 3) เมื่อมีการแบ่งสถานประกอบการและสหกรณ์ที่ขอแยกมีการแบ่งผลประโยชน์และความรับผิดที่เกี่ยวข้องได้ตามประกาศนายทะเบียนสหกรณ์เรื่องกำหนดวิธีการพิจารณาแบ่งแยกทรัพย์สินทุนทุนสำรองหนี้สินสิทธิและความรับผิดของสหกรณ์ประกาศณวันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2543 (http://e-service.cpd.go.th/elib/pdf_file/1031_2543.pdf) โดยมีขั้นตอนดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 สมาชิกของสหกรณ์นั้นจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดหรือไม่น้อยกว่า ห้าร้อย คน ลงลายมือชื่อทำหนังสือร้องขอแยกสหกรณ์ต่อคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ ขั้นตอนที่ 2 2.1 ให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เรียกประชุมใหญ่ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้คำร้องขอหรือ 2.2 ถ้าคณะกรรมการดำเนินการของสหกรณ์ไม่เรียกประชุมใหญ่ภายในกำหนดเวลาให้นายทะเบียนสหกรณ์เรียกประชุมใหญ่ภายในระยะเวลาตามที่เห็นสมควร 2.3 การเรียกประชุมใหญ่ดังกล่าวเพื่อพิจารณาเรื่องแยกสหกรณ์การวินิจฉัยชี้ขาดให้ถือเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนสมาชิกหรือผู้แทนสมาชิกซึ่งมาประชุมมติของที่ประชุมใหญ่คือ กรณีที่ 1 ให้แยกสหกรณ์ได้ให้พิจารณาแบ่งแยกทรัพย์สินทุนทุนสำรองหนี้สินสิทธิและความรับผิดชอบของสหกรณ์ด้วยแล้วให้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 4 การเตรียมการจดทะเบียนสหกรณ์ กรณีที่ 2 ไม่เห็นชอบให้แยกสหกรณ์แต่ถ้าสมาชิกซึ่งลงลายมือชื่อทำหนังสือร้องขอแยกสหกรณ์ไม่เห็นด้วยกับมติที่ประชุมใหญ่นั้นให้สมาชิกดังกล่าวทุกคนลงลายมือชื่อทำหนังสือถึงนายทะเบียนสหกรณ์ภายในกำหนดเวลา 30 วันนับแต่วันที่ประชุมใหญ่ลงมติเพื่อให้นายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด ขั้นตอนที่ 3 เสนอให้นายทะเบียนพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดตามกรณีที่ 2 สหกรณ์จัดทำเอกสารเพื่อเสนอรายงานให้สหกรณ์จังหวัดในฐานะรองนายทะเบียนสหกรณ์พิจารณาวินิจฉัยชี้ขาดมีเอกสาร ดังนี้ 3.1 หนังสือร้องขอแยกสหกรณ์ต่อคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ 3.2 สำเนารายงานการประชุมใหญ่ครั้งที่มีมติไม่เห็นชอบให้แยกสหกรณ์ 3.3 หนังสือร้องขอในกรณีสมาชิกไม่เห็นด้วยกับมติที่ประชุมใหญ่ 3.4 รายการทรัพย์สินทุนทุนสำรองหนี้สินที่ประสงค์จะแบ่งแยก 3.5 เมื่อนายทะเบียนสหกรณ์มีหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยและเห็นชอบรายการทรัพย์สินทุนทุนสำรองหนี้สินให้แบ่งแยกสหกรณ์ได้ไปถึงสหกรณ์ก็ให้ดำเนินการเตรียมการจดทะเบียนสหกรณ์ ขั้นตอนที่ 4 การเตรียมการจดทะเบียนสหกรณ์ เมื่อที่ประชุมใหญ่มีมติหรือนายทะเบียนสหกรณ์เห็นชอบให้แยกสหกรณ์ได้ให้สหกรณ์ที่จะจัดตั้งใหม่โดยแยกจากสหกรณ์เดิมดำเนินการ ดังนี้ 4.1 แจ้งเป็นหนังสือไปยังเจ้าหนี้ทั้งปวงของสหกรณ์โดย (1) ให้เจ้าหนี้ส่งคำคัดค้านไปยังสหกรณ์ภายในหกสิบวัน (ถ้ามี) นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง (2) สหกรณ์ต้องแนบสำเนารายงานการประชุมใหญ่ของสหกรณ์ครั้งที่มีมติให้แยกสหกรณ์ได้หรือหนังสือแสดงความเห็นชอบให้แยกสหกรณ์ได้ อนึ่ง ถ้าไม่มีเจ้าหนี้คัดค้านภายในเวลาดังกล่าวนั้นให้ถือว่าไม่มีคำคัดค้านและถ้ามีเจ้าหนี้คัดค้านสหกรณ์จะแยกกันมิได้จนกว่าจะได้ชำระหนี้หรือได้ให้ประกันเพื่อหนี้รายนั้นแล้ว 4.2 จัดประชุมเรียกว่าการประชุมผู้ซึ่งประสงค์จะเป็นสมาชิกสหกรณ์เพื่อดำเนินการดังนี้ (1) คัดเลือกบุคลากรจากที่ประชุมนั้นจำนวนไม่น้อยกว่า 10 คนเป็นผู้แทนเพื่อดำเนินการจัดตั้งสหกรณ์เรียกว่าคณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ (2) กำหนดชื่อสหกรณ์อย่างน้อย 3 ชื่อเรียงตามลำดับความต้องการ ขั้นตอนที่ 5 คณะผู้จัดตั้งต้องไปดำเนินการดังนี้ 5.1 จองชื่อสหกรณ์เพื่อป้องกันการซ้ำซ้อนสามารถดำเนินการได้ 2 วิธีคือ (1) คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ดำเนินการจองชื่อผ่าน Web site (เมนูระบบจองชื่อสหกรณ์ Online) กรมส่งเสริมสหกรณ์ (www.cpd.go.th) (2) แจ้งชื่อสหกรณ์ให้สำนักงานสหกรณ์จังหวัด สำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 หรือพื้นที่ 2 (ที่ขอจดทะเบียน) ดำเนินการตรวจสอบ 5.2 จัดประชุมสมาชิกสหกรณ์ที่จะจัดตั้งใหม่เรียกว่า ประชุมผู้ซึ่งจะเป็นสมาชิกเพื่อดำเนินการดังนี้ (1) รับทราบชื่อสหกรณ์ซึ่งผ่านการตรวจสอบแล้ว (2) พิจารณากำหนดประเภทและวัตถุประสงค์ของสหกรณ์ตามความต้องการของสหกรณ์เพื่อดำเนินการอำนวยประโยชน์ต่อสมาชิกและต้องกำหนดให้สอดคล้องและอยู่ในขอบเขตตาม ประเภทของสหกรณ์ ?(3) จัดทำแผนดำเนินการเกี่ยวกับธุรกิจหรือกิจกรรมของสหกรณ์ที่จะจัดตั้ง (4) จัดทำบัญชีรายชื่อบุคคลที่ประสงค์จะเป็นสมาชิกสหกรณ์จากจำนวนสมาชิกสหกรณ์ ที่แยกจากสหกรณ์เดิม (5) ร่างข้อบังคับสหกรณ์ ขั้นตอนที่ 6 การขอจดทะเบียนสหกรณ์ คณะผู้จัดตั้งสหกรณ์ดำเนินการจัดทำเอกสารเพื่อจดทะเบียนสหกรณ์โดยยื่นเอกสารที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดสำนักงานส่งเสริมสหกรณ์กรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1 หรือพื้นที่ 2 แห่งท้องที่ที่ตั้งสำนักงานสหกรณ์ หมายเหตุ : 1. กรณีคำขอหรือเอกสารหลักฐานประกอบการพิจารณาไม่ครบถ้วน หรือไม่ถูกต้อง และไม่อาจแก้ไข เพิ่มเติมได้ในขณะนั้น ผู้รับคำขอและผู้ยื่นคำขอจะต้องลงบันทึกความบกพร่องและรายงานเอกสารหลักฐาน ร่วมกันพร้อมกำหนดระยะเวลาให้ผู้ยื่นคำขอดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม หากผู้ยื่นคำขอไม่ดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมภายในระยะเวลาที่กำหนดผู้รับ คำขอจะดำเนินการคืนคำขอและเอกสารประกอบพิจารณา 2. พนักงานเจ้าหน้าที่จะยังไม่พิจารณาคำขอและยังไม่นับระยะเวลาดำเนินงานจนกว่าผู้ยื่นคำขอจะดำเนินการแก้ไขคำขอหรือยื่นเอกสารเพิ่มเติมครบถ้วนตามบันทึกความบกพร่องนั้นเรียบร้อยแล้ว 3. ขั้นตอนการดำเนินงาน ตามคู่มือจะเริ่มนับระยะเวลาตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสารครบถ้วนถูกต้องตามที่ระบุไว้ในคู่มือประชาชนเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ จะมีการแจ้งผลการพิจารณาและกำหนดวันทำสัญญาให้ผู้ยื่นคำขอทราบภายใน 7 วันนับแต่วันที่พิจารณาแล้วเสร็จ
1. พระราชบัญญัติสหกรณ์ พ.ศ. 2542
ไม่มีรายการใบอนุญาต
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.)
- 99 หมู่ 4 อาคารซอฟต์แวร์ปาร์ค ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลคลองเกลือ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120
- สายด่วน 1206 / โทรศัพท์ 0 2502 6670-80 ต่อ 1900 , 1904- 7 / โทรสาร 0 2502 6132